วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

10วิธีการกินอย่างฉลาด



 1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงตเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังให้ขึ้ทำใมื้ออื่น
 2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสัก นิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี 
 3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
 4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็ประสิทภาพ
 5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ
 6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
 7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%


   8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้อพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเพิ่มสีสันการกินให้กับคุด้วย            
 9.เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรงเพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่ายเหมาะสำหรัคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
 10.กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้ ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!

น้ำผลไม้สดจากธรรมชาติ บำรุงผิวได้ดีกว่าครีมราคาแพง


 ปัจจุบันสาวๆส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจเรื่องสุภาพมากขึ้นทั้งสัดส่วนของรูปร่าง หน้าตา รวมไปถึงการบำรุงผิวพรรณ จากการสรรหาวิธีหลายอย่างเพื่อบำรุงให้ตนมีสุขภาพดีสวยเปล่งปลั่ง โดยรับประทานทั้งเม็ดวิตามิน ยาบำรุงชนิดต่างๆ แม้กระทั้งการสั่งครีมบำรุงผิวที่โฆษณาตามแหล่งต่างหรือการบอกต่อกันมา ถึงแม้สิ่งที่บำรุงเหล่านั้นเราทราบดีว่ามีราคาแพงมากเท่าไรก็ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมาบำรุงสุภาพตนเอง เพราะสาวส่วนใหญ่เชื่อว่าสิ่งที่มีราคาแพงจะเห็นผลดีและเร็ว แต่สาวๆหลายคนมองข้ามสิ่งที่มีประโยชน์และใช้เงินซื้อได้เพียงราคาย่อมเยากว่าของราคาแพง คือผักและผลไม้สดจากธรรมชาติที่มีทั้งคุณประโยชน์มากมายมหาศาลต่อสุขภาพของทุกเพศทุกวัย 
 จากประสบการณ์ของดิฉันเอง เคยคิดว่าการใช้ครีมบำรุงผิว และทานยาบำรุงชนิดต่างจะช่ายให้ผิวพรรณเรานวลสวยยิ่งขึ้น แต่พอใช้ไปนานๆ ก็ยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ครีมบำรุงผิวนั้นจะช่วยเพียงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหลังจากอาบน้ำ เนื่องจากหลังอาบน้ำ น้ำและสบู่จะทำลายขัดเซลล์ผิวชั้นนอกของเราออกไป คุณลองสังเกตุดูนะคะหากหลังจากที่เราอาบน้ำแล้วยังไม่ทาโลชั่นหรือครีมบำรุง จะรู้สึกว่าผิวแห้งกร้าน นั่นแหละคะคือคำตอบ วิธีใช้ข้างขวดก็มีบอกไว้นะคะว่า ควรทาทุกครั้งหลังอาบน้ำ ดิฉันคิดได้ดังนั้นก็ไปหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ว่าจะมีวิธีดูแลผิวพรรณและรูปร่างเราอย่างไรบ้าง และข้อมูลที่ได้มาการบำรุงที่ดีที่สุดคือ น้ำผลไม้สดจากธรรมชาติ บำรุงสุขภาพผิวได้ผลเร็วกว่าครีมราคาแพง ในผลไม้ทุกชนิดนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ๆ มากมายที่จะให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายได้โดยตรง คนที่รับประทานผักสดและผลไม้สด เป็นประจำสม่ำเสมอทุก ๆ วันนั้นสังเกตุได้เลยว่าจะเป็นคนที่มีสุขภาพผิวที่ดี แม้เป็นเพศใดก็จะผิวสวยผุดผ่องมีน้ำมีนวล ผลไม้บางชนิดนั้นนอกจากรับประทานแล้วยังสามารถนำมาพอกทาใบหน้าเพื่อบำรุงผิวแทนการใช้ครีมต่างๆ ซึ่งต้องการเวลาและมีราคาสูง ถ้าคุณขยันก็ควรแบ่งเวลาสักไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อพอกหน้าด้วยผลไม้ สับปะรดสด ๆ คั้นเอาแต่น้ำมาชโลมพอกทาใบหน้า คนที่มีผิวหน้ามันจะได้ผิวที่ดีสมดุล จุดด่างดำ และริ้วรอยต่าง ๆ จะหายไป (พอกนานประมาณ 20 นาที) แอปเปิลนำไปปั่นให้ข้น ไม่ต้องให้เป็นน้ำ หรือฝานเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาวางทั่วใบหน้า หรือพอกหน้าไว้นาน 20 นาที เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง เพิ่มความชุ่มชื้นให้ใบหน้า ผิวหน้าที่ตากแดดตากลมมากๆ ควรบำรุงผิวด้วยมะละกอสุกที่คัดเมล็ดทิ้งแล้วปั่นหรือยีให้เละด้วยส้อม นำมาพอกหน้านาน 15-20 นาที ทำให้ผิวหน้าที่แห้งแตกเป็นขุยๆ มีความนุ่มนวลและชุ่มชื่นขึ้น เปลือกมะนาวที่บีบน้ำออกแล้วนำมาถูคลึงเบาๆ ทั่วใบหน้าที่มันจะช่วยลดความมัน ขจัดสิวเสี้ยน เพิ่มความขาวนวลได้ดี มะเขือเทศ แตงกวา น้ำผึ้ง (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) ปั่นละเอียดหรือฝานบางๆ วางทั่วใบหน้าหรือพอกหน้านาน 20 นาที เป็นประจำทุกๆ 1 สัปดาห์ จะช่วยขจัดริ้วรอยบนใบหน้า เพิ่มความขาวเนียนผุดผ่องให้ใบหน้าได้อย่างดี สิ่งที่บอกกล่าวนี้ ถ้าคุณทดลองทำดูก็ไม่น่าเสียหายเพราะเป็นการนำสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติมาประยุกต์ใช้กับร่างกาย เป็นการเลือกใช้ผักและผลไม้สดจากธรรมชาติมาดูแลสุขภาพผิว ซึ่งไม่เป็นผลเสียใดๆเห็นไหมค่ะเพียงแค่เราเพิ่มความใส่ใจอีกสักนิดให้เวลาแก้การบำรุงผิวอีกสักหน่อยเท่านี้เราก็จะได้ผิวพรรณที่ใส นวลผุดผ่อง ออกไปอวดใครต่อใครได้แล้วละคะ แต่ที่สำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพร่างกายอย่างครบถ้วน อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ดื้มน้ำวันละ8 แก้ว ออกกำลังกายอาทิตย์ละสองถึงสามครั้ง หรือหากิจกรรมทำร่วมกับครอบครัว ทำจิตใจให้ร่าเริง เท่านี้เราทุกคนจะได้มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ตามมาด้วยค่ะ การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ


วิธีในการคลายความเครียด



 ฟังเพลง หามุมสงบ นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบา ๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลงหรือเสียงธรรมชาติ จำพวกเสียงคลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคื่นสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เชียวล่ะ,ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์ขอแนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตีตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ เพราะการไปดูหนังเนี่ยเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้ ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา แถมระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล แต่ต้องถามตัวเองก่อนนะว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย,โทรหาเพื่อนรู้ใจอย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ดีไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสันคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา จะทำให้ชีวิตที่เอียงกะเท่เร่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกไงล่ะ,เขียนไดอารี่การเขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจต่างๆ ได้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น อีกทั้งระหว่างการเขียนไดอารี่นั้นยังถือเป็นการทบทวนความรู้สึกตัวเองที่ดี ที่สุดด้วย ส่วนข้อดีสุดเลิศอีกข้อก็คือ ไดอารี่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด เพราะรับฟังเราเสมอและไม่เคยเอาความลับไปบอกต่อไงล่ะ,พลังแห่งการสัมผัสลองมองหาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบา ๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าดูสิ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัสเนี่ย จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน" ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ,สร้างอารมณ์ขันพยายามมองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขันช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ" ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้นหัวเราะเข้าไว้ แล้วจะดีเอง,สูดกลิ่นหอมรู้หรือเปล่าว่า...กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียด ๆ ก็ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้สิ อย่างกลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี แล้วนอนแช่ตัวให้เพลินสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ,ปตากอากาศหาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก สิ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุเนี่ยมันมาจาก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เพราะฉะนั้นหลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาวเสียบ้าง หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น,หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่นก็ไม่ เลวนะ เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยนะ,จินตนาการแสนสุขอีกทางเลือสำหรับการบรรเทาความหดหู่ในส่วนลึก เป็นการดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน ทำได้โดยหลับตาแล้วหายใจลึก ๆจากนั้นก็สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้ หรือแม้แต่ความหลังอันแสนสุขที่เคยมีการดึงความสุขจากจินตนาการมาใช้จะ ทำ ให้เกิดพลังสร้างสรรค์ในหัวใจ และยังช่วยสลายความเครียดข้างในได้เป็นอย่างดี ทำแบบนี้เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองรู้สึกดีแบบทันตาเห็น